รีวิวหนัง RoboCop | โรโบคอป เวอร์ชั่น 2014 เรามาพูดถึงยุคที่เทคโนโลยีถูกนำมาใช้เพื่อสร้างภาพยนตร์นิยายวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม ฉันยังไม่มีแรงพอที่จะสร้างฉากและอุปกรณ์ประกอบฉากได้ยอดเยี่ยมเท่ายุคนี้ นั่นอาจเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของยุคนี้ ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว แต่สำหรับหนัง RoboCop ที่เราจะรีวิววันนี้ RoboCop ก็เปรียบเสมือนหนังแอคชั่นไซไฟอีกเรื่องที่ตัวละครหลักเป็นหุ่นยนต์สุดเท่ แถมยังออกแบบให้เดินได้เหมือนตุ๊กตาด้วย จริงๆแล้วมันคือรถยนต์
RoboCop เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นนิยายวิทยาศาสตร์ปี 1987 ที่สร้างภาคต่อ 2 ภาคและซีรีส์ทางโทรทัศน์ 1 เรื่อง และการรีบูตภาพยนตร์อีกครั้งน่าจะรับประกันความนิยมของหุ่นยนต์ตำรวจตัวนี้ บางคนอาจไม่ค่อยรู้จักเขามากนัก เพราะเขากลายเป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรมให้กับเด็กๆ ในยุค 80 และ 90 เรามาลองดูและอ่านเรื่องย่อของหนัง RoboCop ภาคแรกกันดีกว่า
ในปี 1987, 1990 และ 1993 ฮอลลีวูดได้สร้างไตรภาค Iron Man ภาพยนตร์เรื่องแรกได้รับรางวัล Lifetime Achievement Award จากรางวัลออสการ์ แต่ถูกยกเลิกเนื่องจากภาพยนตร์เรื่องที่สามทำได้ไม่ดีในบ็อกซ์ออฟฟิศ แต่วันนี้ “โรโบคอป” นี้กลับมาอีกครั้ง ฉบับที่แล้วตำรวจอยู่ภายใต้การควบคุมของ Omni Consumer Products (OCP) และเมื่ออเล็กซ์ เมอร์ฟีย์เข้าเป็นตำรวจเขาก็ถูกกลุ่มอันธพาลยิงเสียชีวิต OCP ดัดแปลงเขาและรวบรวมเขาให้เป็นดวงตาจักรกล กลายเป็น RoboCop และต่อสู้กับอาชญากรรม กับคู่ของคุณ
อย่างไรก็ตาม RoboCop เวอร์ชันปี 2014 ได้เปลี่ยนเรื่องราวไปสู่อนาคตที่หุ่นยนต์เข้ามาแทนที่ตำรวจที่เป็นมนุษย์และนำสันติสุขมาสู่โลก ยกเว้นเฉพาะภายในประเทศสหรัฐอเมริกา การเมืองล่วงล้ำจนไม่มีตำรวจชั้นยอดคนใดที่จะรักษาสันติภาพในอเมริกาได้
จนกระทั่งเมืองดีทรอยต์กลายเป็นเมืองแรกที่พบรูปแบบการปราบปรามอาชญากรรม เมื่อ OmniCorp ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อสร้างกองกำลังตำรวจที่เป็นลูกครึ่งคนและเครื่องจักร เพื่อให้ผู้คนยอมรับหุ่นยนต์เป็นผู้รักษาสันติภาพมากขึ้น Robocop ตัวแรกถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชื่อ Alex Murphy (Joel Kinnaman) ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุร้ายแรง และวิธีเดียวที่จะมีชีวิตรอดของเขาคือ… กลายเป็นหุ่นยนต์ นั่นก็คือ
มันคือหนังแอ็คชั่นไซไฟที่เสียดสีสังคม ซึ่งในฉบับนี้มันก็ยังคงเป็นในแบบนั้นอยู่
รีวิวหนัง ‘RoboCop’
ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่คือภรรยาและลูกชายของเขา ทั้งสองจะต้องกลายเป็นหนูตะเภาเพื่อสร้างกองกำลังตำรวจเหล็กแห่งแรกของเมือง เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ต้องพิสูจน์ความสามารถต่อหน้าสาธารณชน และในขณะเดียวกันก็เป็นความหวังของภรรยาและลูกๆ ของเขา เป็นของเขาที่เขาจะรอด และภารกิจของเขาคือการเอาชนะอาชญากรด้วย แต่ทั้งหมดนี้ถูกบดบังด้วยการคอร์รัปชั่นในรูปแบบต่างๆ ในบรรดาหุ่น
ตำรวจเองก็เป็นอาชญากร นักการเมืองที่กระทำการเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง วิทยาศาสตร์เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม และสิ่งที่หลายคนเห็นอาจพังหลายอย่าง
เห็นไหมว่า หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโร่เลย
รูปลักษณ์ของ RoboCop แตกต่างจากเวอร์ชันปี 2014 มาก โดยมีน้ำหนักและเทอะทะน้อยกว่าเวอร์ชันก่อนๆ เพิ่มสีดำและปรับแต่งหมวกกันน็อคและหน้ากากให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น โดยภาพยนตร์มีการเล่าผ่านรายการโทรทัศน์ในระหว่างนั้น นั่นก็น่าสนใจในบางครั้ง บางครั้งก็ดูเป็นการขโมยการแสดง ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังพยายามที่จะรวมช่วงเวลาแอ็กชั่นที่น่าตื่นเต้น เพิ่ม CGI เข้าไปอย่างราบรื่น และฉันก็ตื่นเต้นอยู่พักหนึ่ง แต่นั่นอาจไม่เพียงพอสำหรับแฟนหนังแอคชั่นที่ให้ความสำคัญกับฉากเหล่านี้อย่างจริงจังในสมัยนี้ โดยเฉพาะในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ เพราะ RoboCop เน้นการเล่าเรื่อง
RoboCop ไม่ใช่แค่คนฉลาดที่ใช้ไหวพริบในการแก้ปัญหาที่ยากลำบาก อย่างเฉียบแหลมหรือว่าพวกเขามีพลังพิเศษที่ทำให้พวกเขาทำอะไรได้มากกว่าที่คนปกติสามารถทำได้? แต่เขาเป็นเพียงตำรวจที่เก่งเรื่องปืนและต่อสู้ เขาจะต้องแก้ปัญหาเร่งด่วนด้วยข้อจำกัดบางประการและยังมีเวลาที่จะเติบโตเป็น Iron Cop ที่เก่งที่สุดในภาพยนตร์เรื่องหน้า (ถ้ามี)
ฉันคิดว่าช่วงการพัฒนาตนเองในเรื่องนี้ผ่านไปด้วยดี มันไม่ได้เป็นการก้าวกระโดดที่น่าเหลือเชื่อมากนัก
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ฉายในรูปแบบ 3 มิติ แม้ว่าจะมีบางฉากที่ถ่ายซึ่งเหมาะสำหรับ 3 มิติมากกว่า และเป็นเรื่องน่าเสียดายที่องค์ประกอบของภาพยนตร์ไม่ได้ผสมกันมากพอ รสชาติจึงไม่กลมกล่อมพอที่จะเอาใจคนดูอย่างผมได้